ผักเป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ แต่หากกินหรือปรุงผิดวิธีอาจสูญเสียคุณประโยชน์ไปเสี่ยงท้องอืด
ในแต่ละมื้อเราควรเสริมผักเข้าไปเพื่อวิตามินและเกลือแร่ต่างๆที่จำเป็นแก่ร่างกายซึ่งองค์การอนามัยโลกได้เคยระบุเอาไว้ว่า ในหนึ่งวันควรบริโภคผักมากกว่า 400 กรัมต่อ หากเทียบง่ายๆ จะเท่ากับปริมาณ 4-6 ทัพพี และรู้หรือไม่ มีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้สารอาหารที่ควรจะได้กลับสูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อกินผัก
- หั่นผักก่อนล้าง
ในผักส่วนมากอุดมไปด้วยสารอาหารซึ่งละลายในน้ำ ฉะนั้นเมื่อผักถูกหั่นแล้วไปล้าง สารอาหารจำนวนมากก็จะหายไปดังนั้น วิธีที่ถูกต้อง คือ ต้องล้างผักก่อนหั่น
7 ผัก-ผลไม้อุดม “วิตามินเอ”สูงช่วยต้านมะเร็งเสริมภูมิคุ้มกัน
“วิตามิน” บำรุงความจำชะลอความเสื่อม เสริมออกซิเจนเลี้ยงสมอง
- คั่นน้ำผักออกมาทำอาหาร
อาหารบางอย่างต้องผสมน้ำคั้นจากผัก แต่การคั้นน้ำผักแบบนี้ทำให้สูญเสียวิตามินที่มีอยู่ในผักออกไปถึง 70% และแน่นอนว่าแร่ธาตุที่มีประโยชน์ก็หายไปด้วย วิธีการที่ถูกต้องสับแล้วคลุกส่วนผสมให้เข้ากัน เพื่อช่วยรักษาสารอาหารให้คงอยู่ด้วย
- แช่เย็นที่ไม่เหมาะสม
ผักสดส่วนใหญ่เหมาะสมสำหรับเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 3℃-10℃ แต่แตงกวาไม่สามารถเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 10℃ ได้ หากแช่เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 4℃ สีของแตงกวาจะดำ เนื้อแตงกว่าจะนิ่ม เมื่อหั่นดูแล้วจะเห็นมีน้ำเมือกใสไหลออกมา ซึ่งนั่นจะทำให้รสชาดของแตงกวาสูญเสียไป
- กินผักสด
มีผักบางชนิดสะสมสารพิษไว้ จึงไม่สามารถรับประทานแบบสดได้ จำเป็นต้องผ่านความร้อนเพื่อให้สุกก่อนจึงจะทำลายสารพิษที่สะสมไว้ได้หมด อาทิ ถั่วแขก ถั่วลันเตา ถั่วงอก เป็นต้น ส่วนผักที่สามารถกินสดต้องเป็นผักที่ไม่สะสมสารพิษ ไม่มีสารปนเปื้อน อาทิ หัวไชเท้า มะเขือเทศ แตงกวา เป็นต้น เนื่องจากผักในท้องตลาดส่วนใหญ่ถูกฉีดพ่นด้วยยากำจัดศัตรูพืช การกินผักประเภทนี้แบบสดจะมีผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรกินผักสด แม้ว่าผักชนิดนั้นจะกินสดได้ก็ตาม
- ผ่านความร้อนนาน
ในผักมีวิตามินซี ซึ่งง่ายต่อการสลายตัวเมื่อผ่านความร้อน จึงไม่ควรผ่านความร้อนนาน ผักเหล่านี้แม้ผ่านความร้อนอย่างรวดเร็วก็เสียคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้น หากยิ่งผ่านความร้อนนาน วิตามินซีอาจยิ่งน้อยลงไป
- ผัดผักทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน
ผักทำผัดเสร็จวางทิ้งไว้ 15 นาที วิตามินซีลดลง 20% และหากวางทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง วิตามินจะสูญเสียไป 50% ผัดผักที่ทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืนยิ่งเสียคุณค่า กินเข้าไปมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคอาหารเป็นพิษ ที่ดีที่สุด คือ ผัดเดี่ยวนั้นกินเดี่ยวนั้น จึงจะถูกสุขอนามัยและได้คุณค่าทางอาหาร
อาหารโซเดียมแฝง แนะชิมก่อนปรุง! เทคนิคลดกินเค็มลดโรคเรื้อรัง
- ใช้น้ำมันมาก
คนจำนวนไม่น้อยคิดว่า การผัดผักด้วยน้ำมันน้อยจะไม่อร่อย จึงต้องใช้น้ำมันมากๆ แต่ทั้งน้ำมันพืชและน้ำมันจากสัตว์ ล้วนให้พลังงาน 9,000 แคลอรี ต่อน้ำมัน 1 กรัม ปริมาณมากเกินไปทำให้เกิดโรคอ้วน หรือไขมันในเลือดสูง ดังนั้น ควรใช้น้ำมันแต่พอดี รับประทานน้ำมันได้ 25 กรัม ต่อคนต่อวัน ไม่ควรเกิน 30 กรัม
- ผัดผักกินแต่ผักไม่กินน้ำ
เมื่อผัดผัก ประมาณ 30-70% ของวิตามินซีและสารอาหารจะละลายไปอยู่กับน้ำผักที่ออกมา ดังนั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ควรรับประทานทั้งผักและน้ำผัดผัก แต่หากกลัวสารพิษเจือปน แนะนำให้ก่อนทำอาหารให้นำผักไปลวกน้ำร้อนก่อน 1 รอบ เพื่อชะล้างกรดออกซาลิค ไนไตรท์ และสารกำจัดศัตรูพืช ออกไป แล้วค่อยผัดด้วยน้ำมันและเกลือเพียงเล็กน้อย น้ำซุปในผัดผักก็ปลอดสารพิษแล้ว
- กินมากเกินไป
ผักสดไม่ควรกินมากเกินไป เพราะย่อยยาก โดยเฉพาะหน่อไม้ คึ่นไช่ ถั่วปากอ้า เป็นต้น ซึ่งอุดมด้วยเซลลูโลสซึ่งเป็นกากใยอาหาร หากกินมากสำหรับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว จะชักนำให้โรคกำเริบ และยังทำให้ผู้ป่วยตับแข็งมีเลือดออกในกระเพาะหรือหลอดอาหารได้ อีกทั้งเซลลูโลสจำนวนมาก ยังมีผลยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมและสังกะสีด้วย
อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุดควรกินผักที่ผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คงอุดมวิตามินและสารอาหารให้มากที่สุด ทั้งนี้ยังคงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดีด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย
ภาพจาก : Freepik
ผัก 5 ชนิด “วิตามินซีสูง” ช่วยดูแลผิว ต้านหวัดป้องกันติดเชื้อไวรัส
5 ผักรสขม คุณค่าทางอาหารสูง มีสรรพคุณทางยารักษาและป้องกันโรค
https://ift.tt/wUqlSzL
อาหารสุขภาพ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ข้อห้ามการกินผัก ทำแบบนี้สูญเสียวิตามินและสารอาหารจำนวนมาก! - PPTVHD36"
Post a Comment