ปตท.ลุย Life Science หวังลดการพึ่งพากำไรจากธุรกิจพลังงาน - PPTVHD36

ช่วงหลายปีมานี้ได้เห็นการแตกไลน์ธุรกิจของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะการลงสนามธุรกิจรีเทล ค้าปลีกมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพากำไรจากธุรกิจพลังงาน เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่และดั้งเดิมของ ปตท. เพียงอย่างเดียว ซึ่งในปี 2564 ปตท. มีกำไรอยู่ที่ 108,363.4 ล้านบาท

ปตท.แชมป์ ส่งรายได้เข้ารัฐมากสุด 1.89 หมื่นล้านบาท

BGRIM เปิดโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทดแทนโรงเดิม ที่มาบตาพุด

และหนึ่งในนั้น คือ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ หรือ Life Science ภายใต้ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเดินหน้าธุรกิจกลุ่ม New S-Curve ของ ปตท.

โดยตั้งเป้าว่า ภายใน 7 ปี (ปี 2030) จะปั้นธุรกิจกลุ่ม New S-Curve ให้สามารถสร้างผลกำไร หรือ Net income ได้ในสัดส่วนถึง 30% ของทั้งหมด จึงทำให้บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

โครงการ alt. Eatery คอมมูนิตี้ คือ เรือธงสำคัญ

โครงการ alt. Eatery คือ คอมมูนิตี้ที่เป็น ร้านอาหาร plant-based หรือโปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบรับกระแสการใส่ใจดูแลสุขภาพควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม การหาทางเลือกใหม่ทดแทนเนื้อสัตว์ ซึ่งตลาดนี้กำลังเติบโต การันตีจากผลตอบรับหลังการเปิดตัวที่ย่านสุขุมวิท 51 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี จากทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ

อินโนบิก (เอเซีย) จึงมองหาพื้นที่ปักหมุด Flagship Store สาขาใหม่ โดยเลือกสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่บนถนนวิภาวดี-รังสิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงเรื่องทำเล โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในปีนี้ (2566) ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ จะใช้การบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าขนาดเล็ก หรือ Community Mall เพื่อให้เป็นต้นแบบแก่สถานีบริการน้ำมันอื่นๆในอนาคต

มั่นใจ Plant-based ในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้สูงมูลค่าการตลาดแตะ 30,000 ล้าน

นายณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยกับพีพีทีวี ว่า เชื่อว่าสินค้าในกลุ่ม Plant-based ในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้สูง รวมถึงปกติแล้วกระแสในการบริโภคอาหารในไทยมีแนวโน้มตามหลังวัฒนธรรมตะวันตกประมาณ 3-5 ปี จึงเล็งเห็นว่าธุรกิจสินค้า Plant-based จะกลายเป็นธุรกิจแห่งอนาคตอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ธุรกิจสินค้าในกลุ่ม Plant-based มูลค่าทางการตลาดในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าการตลาดสินค้าในกลุ่ม Plant-based ทั้งโลกอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท

ตั้งเป้าขยาย 20 สาขา พร้อมต่อยอดแฟรนไชส์ต่างจังหวัด

นอกจากนั้น ยังเตรียมวางแผนที่จะเปิดในห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ และเตรียมเปิดตัวโมเดลร้าน alt. ในรูปแบบร้านเล็กๆ หรือ Kiosk ในพื้นที่ต่างของกรุงเทพฯ คาดการว่าภายในปี 2566 จะสามารถขยายเพิ่มได้ 5 – 10 สาขา โดยมีเป้าหมายจะขยายทั้งหมด 20 สาขา จากนั้นจะต่อยอดโมเดลธุรกิจไปยังรูปแบบการขายแฟรนไชส์ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้สินค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพได้มากขึ้น

ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามังสวิรัติแบบยืดหยุ่น

สำหรับกลุ่มลูกค้าของ alt. Eatery คือ กลุ่มที่ทานอาหารมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น หรือ กึ่งมังสวิรัติ ( Flexitarian มาจากคำว่า flexible +Vegetarian) คนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรม เช่น วันนี้ทานเนื้อสัตว์ พรุ่งนี้ทาน plant-based มีสัดส่วนอยู่ในประเทศประมาณ 26 % ส่วนใหญ่เป็น Gen Y (อายุ 28-42 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทานอาหารเพื่อสุขภาพ ทางร้านจึงพยายามออกแบบร้านให้เข้าถึงง่าย ไม่ให้มีความเป็นมังสวิรัติมากจนเกินไป แต่และพยายามตกแต่งให้ดูสนุก ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

จับมือบริษัทพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร

ขณะที่การดำเนินธุรกิจของร้าน alt. Eatery ร้านอาหาร plant-based หรือ โปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาพ เป็นความร่วมมือของ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด และบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร และยังตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์อาหารแห่งอนาคต ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนทางเลือก หรือ plant-based ภายใต้แบรนด์ Wicked Kitchen จากประเทศอังกฤษ พร้อมใช้พื้นที่โดยวางจำหน่ายใน alt. Eatery, Tops market และ Tops food hall ในการวางจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ Wicked Kitchen อีกด้วย

ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ ของ ปตท. คือ การขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคตตอบสนองโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และอีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มี New S-Curve ให้กับประเทศ
ธุรกิจ Life Science จึงเข้ามาตอบโจทย์เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นรวมถึงเป็นการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ : นายณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด” กล่าวทิ้งทาย